คูปองสำหรับเช่ารถของ Budget / AVIS /Hertz / SIXT

5 สาเหตุที่คุณจะใช้คูปองเช่ารถไม่ได้ แม้ว่าคุณอยากจะใช้ใจจะขาด

- 0 ความคิดเห็น

อยากเช่ารถถูกๆคุ้มๆแต่ใช้คูปองรถเช่าไม่ได้ เพราะอะไรกัน เราทำอะไรผิด! ทาง l carrentcheap l รวบรวมสาเหตุและมีแนะนำวิธีแก้กรรมให้ด้วย ถ้าแก้กรรมได้ก็จะใช้คูปองรถเช่าได้ครับ


1.ไม่มีบัตรเครดิต


ไม่มีบัตรเครดิตนี่จบเลย เพราะต้องใช้รูดกักวงเงินมัดจำ ไม่สามารถใช้เงินสดหรือใช้บัตรเดบิตได้ครับ


ทางแก้กรรม : 

ไปทำบัตรเครดิตซะ เดี๋ยวนี้มีบัตรเครติดแบบฝากเงินสดด้วย คนที่ไม่ได้มีเงินเดือนประจำสามารถทำได้ง่ายมาก (ลอง search google ดูว่าบัตรเครดิตแบบฝากเงินสด)
หรือใช้บัตรเครดิตของคนที่ไปด้วยรูดแทน คนขับรถกับเจ้าของบัตรเครดิตที่รูดมัดจำคนละคนกันได้


2. รถเต็ม

จองรถล่วงหน้านานเกิน 2 สัปดาห์แต่รถเต็ม

ทางแก้กรรม : 
เปลี่ยนเจ้าไปเช่ารถเจ้าอื่นแทน หรือเปลี่ยนไปใช้รุ่นรถที่ยังว่างอยู่ โดยขอคูปองรถรุ่นที่ยังว่างอยู่ไปจอง

 

3. จองรถกระทันหัน แล้วรถเต็ม

การจองรถกระทันหัน วันนี้จองพรุ่งนี้ใช้ หรือวันนี้จองวันมะรืนใช้ รถอาจเต็มทุกเจ้า


ทางแก้กรรม :

ต้องไปเช่ารถกับเจ้าท้องถิ่นที่ยังว่างแทน ใช้คูปองเช่ารถไม่ได้ แก้กรรมไม่ได้เลยครับ @_@

 

4. จองกระทันหัน ส่งคูปองรถเช่าตัวจริงไปไม่ทัน

ถ้าจองรถกระทันหัน แล้วโชคดีมีรถว่าง แต่จะมีปัญหาเรื่องส่ง EMS คูปองตัวจริงไปให้ไม่ทัน เพราะส่ง EMS จะใช้เวลาอย่างน้อย 2 วัน


ทางแก้กรรม : 

ลูกค้าต้องมารับคูปองรถเช่าตัวจริงเองที่บางซื่อหรือตลาดบองมาเช่
ถ้าไม่สะดวกมารับเอง ต้องยอมจ้างแมสเซนเจอร์ให้ไปส่งของ (ใช้เงินแก้กรรม 555)
ถ้าอยู่ต่างจังหวัด จบเลยครับ ส่งยังไงก็ไม่ทัน ต้องรับกรรมกันไป


5. อายุไม่ถึงเกณฑ์

ผู้ให้เช่ารถแต่ละรายจะมีการกำหนดอายุของผู้เช่าไว้ด้วย เช่น เอวิส อายุ 23 ปีขึ้นไป,  Budget 21 ปีขึ้นไป, Hertz อายุ 21 ปีขึ้นไป, Sixt อายุ 23 ปีขึ้นไป


ทางแก้กรรม : 

ยอมจ่ายค่า youth driver ประมาณ 200 บาท/วัน (ผู้เช่าต้องมีใบขับขี่) ก็จะสามารถเช่าได้ เนื่องจากทางผู้ให้เช่ามองว่า ผู้เช่ารถที่มีอายุน้อยจะมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าคนที่อายุเกินเกณฑ์
หรือ ต้องไปเช่ารถกับเจ้าท้องถิ่นที่ไม่จำกัดอายุผู้เช่าแทน



l carrentcheap l


[Continue reading...]

ต้องชนเท่านั้น!! เมื่อการใช้คูปองเช่ารถแล้วเลือกขับให้ชนเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

- 0 ความคิดเห็น

อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ซึ่งไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เกิด แต่ถ้าอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน การเลือกขับรถเช่าให้ชนไปเลย อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการหักหลบ!

เช่นกรณีที่มีสัตว์ (หมา แมว ไก่ วัว) วิ่งตัดหน้ารถ การตัดสินใจชนเลยเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการที่จะหักหลบซึ่งรถอาจคว่ำหรือไปชนสิ่งที่ใหญ่กว่า เช่น ต้นไม้ เสาไฟฟ้า หรือชนรถที่ขับสวนมา ทำให้เราอาจตายเอง! หรือถ้าหักหลบไปชนคนอื่นตาย เราจะยิ่งซวยหนัก



ในส่วนของค่าเสียหายที่ผู้เช่าต้องจ่ายเมื่อขับรถเช่าไปชน หากใช้คูปองรถเช่าชนิดไม่มีดีดัก (No deduct) ผู้เช่าไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายใดๆกับตัวรถ ซึ่งปกติ l carrentcheap l จะแนะนำคูปองชนิดไม่มีดีดักให้ทางลูกค้า เพราะว่าราคาแพงกว่าแบบมีดีดักไม่มาก แต่ขับรถสบายใจกว่าเยอะครับ

หากเป็นคูปองชนิดมีดีดัก ผู้เช่าจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายกับตัวรถตามจริงครับ แต่สูงสุดจะไม่เกิด 8,000 - 10,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดรถที่เช่า

ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลของผู้ขับขี่จะไม่รวมอยู่ในตัวคูปองรถเช่าทั้งชนิดมีและไม่มีดีดักครับ ดังนั้นหากผู้เช่ารถบาดเจ็บจะต้องจ่ายเอง ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ขับขี่จะบาดเจ็บหนักก็เพราะหักหลบสัตว์ที่ตัดหน้า แล้วไปชนอย่างอื่น การชนสัตว์จะทำให้ตัวรถเสียหายเท่านั้น ผู้ขับขี่มักจะไม่บาดเจ็บ หรือบาดเจ็บก็เพียงฟกช้ำเล็กน้อย

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ชนสัตว์ที่วิ่งตัดหน้าจะเป็นการตัดสินใจที่ดีกว่าหักหลบครับ เพราะผู้เช่ารถไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายของตัวรถ และเป็นการปกป้องชีวิตของเราในอีกทางหนึ่งด้วย เพื่อความสบายใจอาจทำบุญใส่บาตรพร้อมกรวดน้ำขออโหสิกรรมและขอให้มันไปสู่สุคติบ่อยๆก็น่าจะช่วยเยียวยาจิตใจเราได้ระดับหนึ่งครับ

ในเรื่องของข้อกฎหมาย เส้นทางบนถนนทุกเส้นทางไม่ว่าจะเป็นถนนของหมู่บ้าน หรือถนนหน้าบ้าน ที่อนุญาตให้ใช้เป็นทางเดินรถ (ยกเว้นที่ส่วนบุคคล) หากเกิดเหตุชนเจ้าของสัตว์จะเป็นผู้ผิดครับ

ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ถนนไม่ใช่ที่ทางสำหรับสัตว์ เจ้าของสุนัขต้องป้องกันไม่ให้สุนัขอยู่บนถนน ไม่ควรปล่อยหมาออกที่สาธารณะโดยไม่ควบคุมหรือควบคุมไม่ได้ หากเกิดเหตุ เจ้าของสุนัขต้องรับผิดชอบค่าเสียหายของรถทั้งหมดที่เกิดจากเหตุรถชนสุนัขบนถนน แต่หากเกิดในที่ส่วนบุคคลหรือทางเท้ารถยนต์ถึงจะผิด

ด้าน พรบ.คุ้มครองสัตว์ หากเป็นอุบัติเหตุก็ไม่เกี่ยวการทารุณสัตว์ ผู้ขับขี่ไม่มีความผิดครับ




l carrentcheap l


[Continue reading...]

เอาตัวรอดอย่างไร จากอุบัติเหตุที่เจอบ่อยๆจากการขับรถเช่า 9 เหตุการณ์

- 0 ความคิดเห็น

แม้ใช้ความระมัดระวังในการเดินทางด้วยรถเช่าอย่างดีแล้ว แต่ก็อาจเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นได้เสมอจากหลายเหตุผล หลายเหตุการณ์ หากเรารู้วิธีการรับมือและแก้ไขที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสียหายจากอุบัติเหตุลงได้มากครับ

สำหรับการเช่ารถขับด้วย"คูปองรถเช่า" เมื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆได้แล้ว รถเช่ามีความเสียหายจนไม่สามารถขับขี่ได้ สามารถโทรหา call center หรือเบอร์ฉุกเฉินที่ติดอยู่บนกระจกหน้ารถ เพื่อให้มารับรถและเปลี่ยนรถเช่าคันใหม่ได้ครับ

ส่วนค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับชนิดประกันภัยที่เราซื้อ ถ้าเป็นแบบ no deduct จะไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายของตัวรถ (ยกเว้นยางแตก) แต่ถ้าเป็นประกันภัยแบบ มี deduct จะต้องรับผิดชอบตามค่าเสียหายที่บริษัทรถเช่าแจ้ง แต่จ่ายสูงสุดไม่เกิน 8,000 - 10,000 บาทสำหรับรถรุ่นไม่เกิน 1500 cc และจ่ายสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท สำหรับรถรุ่นที่สูงกว่า 1500 cc ครับ


 เมื่อยางระเบิดหรือแตกกระทันหัน ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงความเร็วใด

  o ต้องจับพวงมาลัยให้มั่นคง
  o พยายามรั้งพวงมาลัยไว้ให้ตรงทิศทาง อย่ากระชากเด็ดขาด 
  o ไม่ตกใจกดเบรคอย่างกระทันหัน เพราะรถยนต์อาจหมุนปัดเป๋เสียการทรงตัวได้ ให้ถอนคันเร่ง การลดความเร็ว 
  o สามารถใช้เบรคได้เพียงเบาๆและต้องเหยียบ สลับกับการปล่อย เพื่อไม่ให้น้ำหนักถ่ายลงด้านหน้ามากเกินไป
  o ถ้ายางที่แตกไม่ใช่ล้อขับเคลื่อน ก็สามารถใช้เกียร์ ช่วยในการลดความเร็วได้

หากต้องการเปลี่ยนยาง ควรดึงเบรคมือก่อนการขึ้นแม่แรง ป้องกันรถยนต์ไหล แต่ถ้ามีที่สูบลมติดรถยนต์ไว้ และยางที่แบนไม่ได้รั่วเป็นรูขนาดใหญ่ก็สามารถสูบลมยางให้แข็งกว่าปกติสัก 5-10 ปอนด์/ตารางนิ้ว  และค่อยๆขับต่อไปจนถึงร้านเปลี่ยนยางก็ได้




o ตั้งสติให้มั่นคง เมื่อเหยียบเเป้นเบรคลงไปแล้วลึกต่ำกว่าปกติ ต้องเหยียบซ้ำแรงๆและถี่ๆ เพื่อใช้แรงดันในวงจรเบรคที่เหลืออยู่ ผ้าเบรคจะได้สร้างแรงเสียดทาน ขึ้นมาบ้าง

o พร้อมกับการลดเกียร์ต่ำครั้งละ 1 เกียร์ จนกว่าจะถึงเกียร์ต่ำสุด อย่าลดทีเดียวจนสุด


o ต่อไปค่อยใช้เบรกมือช่วยลดความเร็ว โดยการกดปุ่มล็อคค้างไว้ให้สุด ดึงขึ้นแล้วปล่อยสลับกันไป  ถ้ากดค้างไว้จะเบรคจนล้อล็อค เป็นอันตรายได้


o ถ้าคุณอยู่บนพื้นที่ลาดชันเช่นเนินเขาเมื่อทำขั้นตอนทุกข้อแล้ว  ให้พยายามหาสิ่งกีดขวางเช่นกันชนขอบถนนด้านในหรือวัตถุอะไรก็ตามเพื่อวิ่งเข้าชนให้รถหยุด  โดยการลดความเร็วตามวิธีข้างต้นจะทำให้รถมีความเร็วลดลงจนไม่ส่งผลเสียหายต่อรถมากเหมือนกับการวิ่งเข้าชนตรงๆโดยไม่ทำอะไรเลยครับ



o ควรลดความเร็ว แต่ไม่ควรเบรกอย่างรุนแรงหรือหักหลบทันที เพราะอาจทำให้รถยนต์พลิกคว่ำได้ 

o ไม่ควรหักหลบไปในช่องทางที่มีรถแล่นสวนมา ให้ตัดสินใจชนสัตว์เลย การหักหลบจะเป็นอันตรายกับผู้ขับขี่มากกว่า


o หากไม่เร่งรีบ ควรปล่อยให้สัตว์เหล่านั้นเดินจนพ้นจากถนน ไม่ควรบีบแตรไล่ เพราะอาจทำให้ตกใจและหันมาทำอันตรายได้ 


o การเเซงควรเลี้ยวไปทางด้านหลังของสัตว์ เพราะการตัดหน้า จะทำให้สัตว์ตกใจและเตลิด อันตรายต่อรถยนต์ในช่องทางอื่น



เมื่อรถไหลออกนอกเส้นทาง อาจเพราะการหักหลบสิ่งกีดขวางอย่างกระทันหัน หรือถนนลื่น เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ ควรตั้งสติให้มั่น ไม่ควรเหยียบเบรคแรง เพราะอาจทำให้ล้อล็อค หรือลื่นไถลจนเสียการทรงตัว 

วิธีที่ถูกต้อง ควรลดความเร็วด้วยการแตะเบรคแล้วปล่อย พร้อมกับการลดจังหวะเกียร์ เพื่อใช้เครื่องยนต์ช่วยในการชะลอความเร็วอีกเล็กน้อย นอกจากนั้นสายตายังต้องมองทางไปข้างหน้า เพื่อหลบสิ่งกีดขวาง



ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรแล่นทับ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายกับยางรถได้

ขั้นแรกควรลดความเร็ว หากช่องทางทั้งซ้าย-ขวาไม่มีรถยนต์แล่นตามหลังมา ให้หักหลบโดยพยายามเบี่ยงให้น้อยที่สุด เพราะการหักหลบมากๆในขณะที่ขับเร็ว รถยนต์อาจหมุนหรือปัดเป๋ได้


หากเลี่ยงไม่ได้หลังการทับหรือชน ควรจอดรถและตรวจสอบชิ้นส่วนใต้ท้องรถว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นหรือไม่ เช่น คันชัก คันส่ง ท่อส่ง เชื้อเพลิง ถังน้ำมัน ยาง เป็นต้น


ถ้าไม่ได้เกิดจากการรั่วซึมผิดปกติ แต่เกิดจากการหลงลืมเติมน้ำหม้อน้ำก็สามารถเติมน้ำเข้าไปให้เต็มได้ เพราะถ้ามีการรั่ว เติมลงไปก็รั่วออกมาอีก 

การเติมน้ำต้องมีเทคนิคและใจเย็น จอดรถยนต์หลบในที่ปลอดภัย ดับเครื่องยนต์ รอให้เครื่องยนต์เย็นลงบ้าง หาผ้าหนาๆและผืนกว้างพอสมควร เช่น ผ้ายางรองพื้นในรถยนต์ คลุมฝาหม้อน้ำให้มิด แล้วบิดออกเล็กน้อยก่อน เพื่อให้แรงดันภายในคลายตัวออกบ้าง เมื่อแรงดันคลายตัวออกมามากในช่วงระยะเวลาประมาณ 2-3 นาที ค่อยๆเปิดฝาหม้อน้ำต่อ

ระวังไอหรือน้ำร้อนพุ่งขึ้นมา ต้องคลุมผ้าผืนหนาไว้ให้มิดชิดมากๆ อย่ารีบเติมน้ำลงไปในทันที ต้องรถให้เครื่องยนต์คลายความร้อน อาจต้องรอถึงกว่า 20-30 นาที การเติมน้ำต้องเติมครั้งละนิด ไม่ควรเกินครึ่งลิตร แล้วทิ้งช่วงสัก 5 นาที เพื่อให้น้ำที่เติมดึงความร้อนกระจายกันให้ทั่ว เพราะโลหะที่ร้อนจัด เมื่อถูกน้ำเย็นทันที จะหดตัวลงอย่างรวดเร็ว จนร้าว หรือเสียหายได้





คันเร่งค้าง ให้จำง่ายๆ แค่ 3 อย่าง

1. อย่าดับเครื่อง (โว้ย)

2. เข้าเกียร์ N (เกียร์ว่าง) ถ้าเป็นรถเกียร์ธรรมดาก็เหยียบคลัตช์แล้วปลดมาเกียร์ว่าง

3. เบรกโดยคำนึงถึงความปลอดภัย ถ้ามีระยะเหลือๆก็ไม่ต้องเบรกให้ตัวโก่ง

* ทำไมถึงไม่ควรดับเครื่องเมื่อคันเร่งค้างทั้งๆที่เป็นการตัดกำลังเครื่องยนต์ที่ชัวร์มาก?

– การดับเครื่องยนต์ไม่ได้ตัดแค่กำลังเครื่อง แต่ยังส่งผลให้ระบบผ่อนแรงพวงมาลัยและระบบผ่อนแรงเบรคหยุดการทำงานตามไปด้วย 

พวงมาลัยจะหนักขนาดไหน? ลองสตาร์ทรถ หมุนพวงมาลัยเล่น หมุนต่อไปเรื่อยๆอย่าหยุด ไปๆมาๆ จากนั้นดับเครื่องทเห็นมั้ยครับว่ามันหน่วงมือขนาดไหน 

ส่วนเบรกจะหนักขนาดไหน? ก็ลองดูได้ครับหาที่โล่ง ไม่เอาซอยนะ ในซอยบางทีมีเด็กวิ่งตัดหน้า จะซวยฟรี หาที่โล่งๆ เร่งรถแล้วดับเครื่อง แล้วลองพยายามเบรกดูสิครับ หนักไหม

รถบางรุ่น ถ้าหมุนกุญแจกลับ พวงมาลัยจะล็อค หมุนไม่ได้ บางรุ่นต้องดึงกุญแจออกจึงจะล็อค ในนาทีวิกฤติ มีเวลามาลองมั้ย? รถบางคัน และหลายคันสมัยนี้ที่ใช้ปุ่มสตาร์ทคุณกดปิด Off ตอนวิ่งอยู่ รถไม่ดับให้ก็มี บางรุ่นต้องกดค้าง 3 วินาทีถึงจะดับ ถึงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อจะคิดได้หรือไม่?



หากกระจกหน้าเป็นแบบลามิเนต 2 ชั้น ซึ่งมีฟิล์มเหนียวคั่นกลาง เพราะจะไม่ร่วงเป็นเม็ดข้าวโพดเหมือนกระจกแบบเทมเปอร์ชั้นเดียว โดยแผ่นฟิล์มเหนียวตรงกลางจะเป็นตัวยึดไม่ให้เศษกระจกแยกออกจากกัน จึงทำให้พอมองทะลุผ่านและขับต่อไปได้ไกลจนถึงศูนย์ซ่อม

ถ้าเป็นกระจกแบบเทมเปอร์ จะแตกรวดเร็วมาก เพียงจุดแตกเล็กๆทำให้เนื้อกระจกสูญเสียความแข็งแรง และเกิดรอยร้าวทั่วแผ่นเป็นฝ้าขาวจนไม่สามารถมองผ่านได้ ผู้ขับจึงต้องตั้งสติให้มั่นและค่อยๆชะลอความเร็ว แล้วเบี่ยงรถยนต์เข้าสู่ไหลทาง ถ้าเหลือกระจกติดที่ขอบให้ใช้ไม้หุ้มผ้าหนาๆหรือกระดาษหนังสือพิมพ์ในการกระแทกเศษกระจกที่ยังติดอยู่บนขอบออกให้หมด โดยควรหากระดาษหรือฝ้ารองบนแผงหน้าปัด และฝากระโปรงหน้าเพื่อป้องกันเศษกระจก หล่นลงในช่องแอร์หรือขูดขีดสีตัวถัง

ขณะที่ขับรถยนต์ที่ไม่มีกระจกบังลมหน้า ควรปิดกระจกทุกบาน การเปิดกระจกหน้าต่างทำให้ลมมาปะทะคน และทำให้รถยนต์มีการทรงตัวไม่ดีจากลมที่ไหลผ่าน ถ้ามีแผ่นกันแดด หรือแว่นสายตา ก็ควรนำมาใส่ เพื่อป้องกันฝุ่นละออง และเศษกระจกที่อาจค้างอยู่




เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อย โดยเฉพาะในการขับรถบนถนน 2 เลนสวนกัน

o ขั้นแรกควรลดความเร็วลง แต่อย่ามากเกินไปจนรถที่ตามมาด้านหลังชนได้ 

o มองกระจกด้านซ้าย เพื่อหาหนทางหนีทีไล่ พร้อมกระพริบไฟสูง และบีบแตรเตือน และเบี่ยงออกทางเลนซ้าย 

o ไม่ควรหลบข้ามเลยไปในช่องทางของรถยนต์ที่แล่นสวนมา เพราะบ่อยครั้ง คนขับเพิ่งรู้สึกตัว แล้วหักหลบเข้ามาจะทำให้เกิดการชนกันได้


ด้วยความปรารถนาดี l carrentcheap l



[Continue reading...]

เช่ารถเชียงใหม่คืนเชียงราย หรือ รับรถเชียงรายคืนเชียงใหม่ เจ้าไหนถูกสุด

- 0 ความคิดเห็น

การคืนรถต่างสาขาคนละจังหวัด ผู้ให้บริการรถเช่าจะมีการชาร์จค่าคืนต่างสาขาด้วย ซึ่งชาร์จในราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องมีค่าใช้จ่ายในการย้ายรถกลับไปสาขาเดิม 

เช่น กรณีเชียงใหม่ - เชียงราย ผู้เช่าส่วนใหญ่มักจะเช่าจากเชียงใหม่ไปคืนเชียงราย รถส่วนใหญ่จึงจะไปรวมอยู่ที่เชียงราย การขับรถกลับไปเชียงใหม่ทีละคัน และต้องเสียค่าน้ำมัน แล้วพนักงานส่งรถจะกลับมาสาขาเดิมอย่างไรอีก ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างวุ่นวาย และเปลืองทรัพยากรมาก ทำให้ราคาค่าชาร์จคืนต่างสาขาสูงมากครับ

ราคาค่าชาร์จต่างสาขาคนละจังหวัดเป็นตามนี้ครับ (ยังไม่รวมค่าเช่ารถ) 

  *ราคาในตารางรวม vat แล้ว

หมายเหตุ : คืนต่างสาขาในจังหวัดเดียวกันไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น กรุงเทพมี 3 สาขา คือ สาขาในตัวเมือง สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ จะรับหรือคืนรถที่สาขาใดก็ได้ ตามสบายเลย ฟรี

จะเห็นว่าบางบริษัทต้องโทรถามราคาค่าชาร์จเอง สำหรับกรณีเชียงใหม่ - เชียงราย ทางเราโทรไปถามมาให้แล้วครับ ตามนี้เลย

สรุป :

o เช่ารถ 1-2 วัน ต้องเช่าบัดเจ็ท (Budget) เท่านั้น ไม่มีทางเลือก โดยค่าชาร์จแพงมากถึง 3,210 บาท

o เช่ารถ 3 วัน เลือกเฮิร์ท (Hertz) ครับ เพราะชาร์จถูกสุด 2,140 บาท

o เช่ารถ 4 วันเลือกบัดเจ็ท (Budget) ครับ ถูกสุด ชาร์จ 1,605 บาท

o เช่ารถ 5 วันขึ้นไป เลือกเฮิร์ท (Hertz) เลย ไม่มีชาร์จ ฟินนนน  



l carrentcheap l

 

[Continue reading...]

เช่ารถสนามบินกระบี่ คืนรถอ่าวนาง หรือเช่ารถที่อ่าวนาง คืนรถสนามบินกระบี่ เจ้าไหนคุ้มสุด

- 0 ความคิดเห็น


เส้นทางยอดนิยมที่คนเที่ยวทะเลกระบี่จะเช่ารถ คือ เช่าที่สนามบินกระบี่ คืนที่อ่าวนาง หรือเช่ารถที่อ่าวนาง คืนที่สนามบินกระบี่ 

ที่เป็นแบบนี้เพราะจะมีทัวร์ one-day trip เที่ยวเกาะทำให้บางวันเราไม่ได้ใช้รถเช่า หรือบางโรงแรมมีบริการรับส่งที่สนามบินทำให้จะใช้รถเช่าเเค่บางวันเท่านั้น

ปัจจุบันนี้ (20 กรกฎาคม 2559) ยังไม่มีเจ้าไหนมีสาขาที่อ่าวนาง มีแต่ศูนย์ที่สนามบินกระบี่ ทำให้การรับและคืนรถที่อ่าวนางจะถือเป็นการรับส่งรถนอกสถานที่ แต่ละผู้ให้บริการรถเช่าจะมีค่ารับส่งรถ ซึ่งต้องโทรถาม call center เองว่าราคาเท่าไร 


เพื่อความสะดวกทาง l carrentcheap l ได้โทรไปถามให้แล้วครับ (ข้อมูลวันที่ 1 สิงหาคม 2559)


 

เงื่อนไขการส่งรดีที่สุดเป็นของบัดเจ็ท (Budget) ครับ โดยถ้าเช่า 1- 2 วันค่าส่งรถ 321 บาท (รวมภาษีแล้ว) และหากเช่าอย่างน้อย 3 วันส่งรถฟรี!

ความเห็นของทาง l carrentcheap l ค่าส่งรถ 321 บาทถือว่าไม่แพงครับ ถ้าไป 2 คน หาร 2 เหลือคนละ 160 บาทเท่านั้น

เมื่อเทียบกับค่า shuttle bus หากนั่งจากสนามบินไปอ่าวนางจะเสียคนละ 150 บาท ไป 2 คนก็ 300 บาทแล้ว หรือหากไป taxi จะเสียถึง 600 บาทต่อเที่ยว หาร 4 คน ยังคนละ 150 บาททีเดียว



Click ที่รูปเพื่อดูภาพขนาดใหญ่
 

ขอบคุณข้อมูลราคา shuttle bus และ taxi จาก http://pantip.com/topic/31636228  

ข้อสังเกต : ในตารางจะเห็นว่าจ้าของข้อมูลตกเครื่องด้วย เนื่องจาก shuttle bus วนเข้าไปรับผู้โดยสารในตัวเมืองกระบี่ จึงไปสนามบินช้าครับ ถ้าเช่ารถขับเองจะควบคุมเวลาได้ดีกว่าครับ


l carrentcheap l




[Continue reading...]

จะคืนรถเช่าต่างสาขาคนละจังหวัด รถเช่าของเจ้าไหนถูกสุด

- 0 ความคิดเห็น




เช่ารถจากเชียงใหม่ > คืนเชียงราย หรือเช่ารถจากภูเก็ต > คืนกระบี่ จะใช้รถเช่าเจ้าไหนดีนะ ถึงจะคุ้มที่สุด?

l carrentcheap l มักจะแนะนำให้ทำแผนเช่ารถเที่ยวโดยหลีกเลี่ยงการคืนรถต่างสาขา"คนละจังหวัด"ครับ เนื่องจากจะถูกชาร์จแพงมากถึง 1,500 – 10,000 บาทเลยทีเดียว

หมายเหตุ : คืนต่างสาขาในจังหวัดเดียวกัน คืนได้ฟรี  ไม่มีค่าใช้จ่าย เช่น เช่ารถที่กรุงเทพ จะคืนรถที่สุวรรณภูมิ ดอนเมือง หรือสาขาในเมืองก็ได้ หรือ เช่ารถบัดเจ็ทที่สมุยจะคืนรถที่สนามบิน หรือหาดเฉวงก็ฟรีครับ

มาดูเงื่อนไขของผู้ให้เช่ารถแต่ละรายครับ ว่ามีค่าบริการคืนต่างสาขาคนละจังหวัดเป็นเท่าไร 


*ราคาเฉพาะค่าชาร์จเท่านั้น ยังไม่รวมค่าเช่ารถ

บัดเจ็ท (Budget)

ต้องเคยเช่ารถกับบัดเจ็ทอย่างน้อย 1 ครั้ง จึงจะมีบริการคืนต่างสาขา
เช่ารถ 1-3 วัน ต่อเนื่อง ค่าบริการ 3,210 บาท
เช่ารถ 4-6 วัน ต่อเนื่อง ค่าบริการ 1,605 บาท
เช่ารถตั้งแต่ 7 วันต่อเนื่องขึ้นไป ไม่คิดค่าบริการ

เอวิส (Avis)
ต้องเช่ารถอย่างน้อย 3 วันต่อเนื่อง ค่าบริการขึ้นกับระยะทางต้องสอบถามกับทางเอวิส (Avis)
เช่ารถ 7 วันต่อเนื่อง ไม่คิดค่าบริการ

เฮิร์ท (Hertz)
ต้องเช่ารถอย่างน้อย 3 วันต่อเนื่อง ค่าบริการขึ้นกับระยะทางต้องสอบถามทางเฮิร์ท (Hertz)
เช่ารถ 5 วันต่อเนื่อง ไม่คิดค่าบริการ

ซิค (Sixt)
เช่ารถกี่วันก็ได้ ค่าบริการขึ้นอยู่กับระยะทางต้องสอบถามทางซิค (Sixt)
จากที่สอบถาม (ข้อมูลมีนาคม 2558) เช่ารถจากเชียงใหม่ > คืนเชียงราย ค่าบริการ 2,675 บาท เช่ารถจากภูเก็ต > คืนกรุงเทพ ชาร์จ 11,000 บาท ไม่ว่าจะเช่ากี่วันก็ตามก็จะมีค่าชาร์จคืนต่างสาขา



คำแนะนำจาก
l carrentcheap l
 

ทางบริษัทรถเช่าไม่ค่อยอยากให้คืนต่างสาขาเท่าไรครับ เนื่องจากต้องมีค่าใช้จ่ายในการขับรถมาคืนที่สาขาเดิม ไม่อย่างนั้นรถจะไปกองอยู่ที่นึงมากๆ เช่น ส่วนใหญ่คนจะเช่าจากเชียงใหม่ขับไปคืนเชียงราย รถจะไปกองอยู่ที่เชียงรายมาก ต้องหาคนมาขับกลับไปที่เชียงใหม่ จึงต้องมีการคิดค่าบริการในอัตราตามจำนวนวันเช่า หรือตามระยะทาง

สำหรับคนที่ต้องการคืนต่างสาขาที่เชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน แนะนำให้เช่ากับ Northwheel เพราะที่ไม่คิดค่าคืนต่างสาขาใน 3 จังหวัดนี้ เจ้านี้ไม่มีคูปองขาย ต้องโทรจองรถโดยตรงเลย ดูเบอร์ติดต่อที่ http://www.northwheels.com/aboutus.html ค่าเช่ารถจะแพงกว่าเช่ากับรายใหญ่เล็กน้อย แต่ไม่ชาร์จค่าคืนต่างสาขา ทำให้เป็นทางเลือกที่คุ้มค่ามาก

สำหรับจังหวัดอื่นๆ แนะนำให้ไปคืนรถที่สนามบินเดิมแล้วใช้บริการรถ Taxi จะถูกกว่าที่จะโดนบริษัทรถเช่าชาร์จครับ 


หรือถ้าจะคืนต่างสาขาจริงๆควรสอบถามกับ call center แต่ละรายก่อนว่าชาร์จค่าคืนต่างสาขาเท่าไร จึงโทรมาขอคูปองไปจองรถครับ

เพราะจากเงื่อนไขด้านบน แต่ละผู้ให้บริการก็มีชาร์จถูก-แพงต่างกัน เช่น ซิค (Sixt) ถ้าเช่าไม่เกิน 3 วันจะชาร์จถูกกว่าเจ้าอื่นเป็นหลักพันบาท หรือหากเช่าเกิน 3 วันไม่ควรใช้ Sixt แล้ว ควรใช้เจ้าอื่นแทนจะถูกกว่า หรือ เช่ามากว่า 5 วัน ควรพิจารณาเฮิร์ท (Hertz) เพราะคืนต่างสาขาได้ฟรี แต่ก็ต้องดูด้วยว่าเป็นจังหวัดที่ Hertz มีสาขาด้วยนะครับ



บทความแนะนำ : 

o เช่ารถเชียงใหม่คืนเชียงราย หรือ รับรถเชียงรายคืนเชียงใหม่ เจ้าไหนถูกสุด http://goo.gl/AkdgzZ

o เช่ารถสนามบินกระบี่ คืนรถอ่าวนาง หรือเช่ารถที่อ่าวนาง คืนรถสนามบินกระบี่ เจ้าไหนคุ้มสุด http://goo.gl/vWzDZm



l carrentcheap l

[Continue reading...]

เคล็ดลับเทคนิคเช่ารถ

- 0 ความคิดเห็น


      O ถ่ายรูปเกจน้ำมันและเลขไมล์    

        อย่างที่ทราบกันว่า ทางบริษัทรถเช่าจะเติมน้ำมันเต็มถังให้ผู้เช่า ซึ่งเมื่อผู้เช่านำรถเช่ามาคืน ทางผู้เช่าต้องเติมน้ำมันคืนเต็มถังเช่นกัน 

        ซึ่งหลายๆคนอาจเจอปัญหา หลังจากรับรถ ขับรถไปได้ไม่กี่กิโลเมตร น้ำมันลดลงไป 1 ขีด !!!! (*ถ้าน้ำมันเต็มถังจริงๆรถ Vios / Yaris กรณีวิ่งในเมือง (รถติด) ขีดบนสุดจะวิ่งได้ประมาณ 70 - 80 kg  ซึ่งหากวิ่งต่างจังหวัดรถไม่ติดจะวิ่งได้กิโลเมตรมากกว่านั้นครับ ส่วนขีดอื่นๆวิ่งได้ ~ 50 km/ขีด)

         เหตุการณ์เเบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นบ่อยๆ เนื่องจากเมื่อมีผู้มาคืนรถ บางครั้งทางบริษัทรถเช่าจะส่งรถให้ผู้เช่ารถรายต่อไปเลย โดยดูแค่ว่าเกจน้ำมันเต็มอยู่ ไม่ได้เติมน้ำมันให้เต็มจริงๆ ซึ่งจริงๆแล้วน้ำมันได้พร่องลงไปบางส่วนจากผู้เช่ารายก่อนที่ขับรถมาคืนครับ
     
          เทคนิค คือ เมื่อรับรถให้ถ่ายรูปเกจน้ำมัน + เลขไมล์ไว้ (เอาไว้ในรูปเดียวกันนะคับ -_-") แล้วพอเกจน้ำมันตกลงมาหนึ่งขีดก็ถ่ายไว้อีก แล้วมาคำนวณว่าขีดบนสุดวิ่งได้เท่าไร เพื่อเป็นหลักฐานแจ้งบริษัทรถเช่าให้ทราบเมื่อคืนรถครับ (น้ำมันตอนคืนรถเช่าก็เติมให้ขีดเกจเต็มก่อนนะครับ เพื่อป้องกันปัญหา) ปกติทางบริษัทรถเช่าจะรับผิดชอบในส่วนน้ำมันที่ขาดหายไปครับ


ขอบคุณเทคนิคจากหมอยุ่ง [ยุ่งชะมัด...เป็นสัตวแพทย์] จาก WebBoard Pantip ครับ

      
     O ประกันชั้น 1 ไม่ได้คุ้มครองทุกอย่าง    
             
         ถึงแม้จะทำประกันชั้น 1 เพิ่ม 214 บาทต่อวันแล้ว หรือซื้อคูปองแบบ no deduct แล้ว ก็ยังมีสิ่งที่ประกันไม่คุ้มครองอยู่นะครับ คือ รถหาย, ความเสียหายภายในรถทุกกรณี เช่น เบาะขาด, อุปกรณ์ที่ติดมากับรถสูญหาย, ยางรถ เช่น หน้ายางเสีย , กุญแจรถหาย

          รู้อย่างนี้แล้วก็ต้องระมัดระวังสิ่งที่ประกันไม่ได้คุ้มครองด้วยนะครับ


     O ช่วงเทศกาล (Blackout period /Peak period) เช่ารถกับบริษัทรถเช่าท้องถิ่นถูกกว่า
        
         ช่วงเทศกาล AVIS, BUDGET และ Hertz จะ Charge เพิ่ม 500 บาทต่อวัน ซึ่งเมื่อรวมกับค่าคูปอง ค่าเช่ารถรวมๆแล้วก็ประมาณ 1100 - 1200 บาทต่อวัน เมื่อเทียบกับราคารถเช่าท้องถิ่นซึ่งจะอยู่ราวๆ 900 - 1100 บาทต่อวัน การเช่ารถท้องถิ่นก็จะคุ้มกว่าครับ  (บริษัทรถเช่าท้องถิ่นลอง Search ใน Internet ดูนะครับ จะไปเช่าที่ไหนก็ใส่สถานที่นั้นลงไปครับ)

           อย่างไรก็ตามรถเช่าท้องถิ่นควรจองล่วงหน้านานๆได้เป็นดี เนื่องจากบริษัทท้องถิ่นจะมีรถไม่มากเท่าบริษัทใหญ่ๆ และยิ่งเป็นช่วงเทศกาลจะหารถยากครับ

         * ส่วนช่วงเวลาปกติการเช่ารถด้วยคูปองรถเช่า AVIS, Budget หรือ Hertz จะถูกว่าการไปเช่ารถบริษัทรถเช่าท้องถิ่นครับ
 


      O Request รถเช่าติดฟิล์มกรองแสงจาก AVIS

          รถเช่าของ AVIS ปกติรถจะไม่ติดฟิล์มกรองแสง แต่ช่วงหลังๆทาง AVIS เริ่มมีการทยอยเปลี่ยนรถเช่าจากเดิมที่ไม่มีการติดฟิล์มกรองแสง เป็นรถใหม่ที่มีฟิล์มกรองแสงแล้ว แต่ก็ยังมีรถเก่า / รถใหม่ปนๆกันอยู่

          เทคนิค คือ เมื่อตอนโทรจองให้ลอง Request รถเช่าที่ติดฟิล์มกรองแสงครับ ถ้ามีรถเหลือทาง AVIS จะ Booking ให้ ดีกว่าปล่อยให้เป็นไปตามดวงครับ


l carrentcheap l

[Continue reading...]

อะไรนะ!! ไม่ต้องมีบัตรเครดิตก็สามารถเช่ารถกับ Budget ได้

- 0 ความคิดเห็น

ไม่ต้องมีบัตรเครดิตก็สามารถเช่ารถกับ Budget ได้!! ไม่ต้องมัดจำด้วยวงเงินบัตรเครดิต !!

เรื่องแบบนี้ แอดมินไม่พลาดแน่นอน ได้โทรสอบถามกับ Call center ของ Budget มาเรียบร้อย

- ลูกค้าต้องมี "บัตรเดบิต (บัตร ATM)" เพื่อเป็นประกันในการเช่ารถ
- มีค่าใช้ "บัตรเดบิต" เพิ่ม 214 บาท/วัน
- จองรถกับ Call center เท่านั้น จองทางเวปไม่ได้ 
- ค่าเช่ารถเป็นอัตราปกติ ไม่สามารถใช้กับ'คูปองรถเช่า'ได้ 

สรุป คือถ้าใช้"บัตรเดบิต"เป็นประกัน จะได้ค่าเช่าเรทปกติ + ค่าใช้บัตรเดบิต 214 บาท/วัน 

*ค่าเช่ารถเรทปกติจะแพงกว่า"เรทคูปองรถเช่า"ถึง 30 - 50% 

ค่าเช่าแพงระดับนึงเลย เพราะทาง Budget ต้องรับความเสี่ยงหลายเรื่อง เช่น ถ้าลูกค้าโดนใบสั่งปรับจราจรจะไปชาร์จกับลูกค้าภายหลังก็ไม่ได้ หรือกรณีรถเช่าเสียหาย แล้วลูกค้ามีเงินไม่พอจ่าย ก็ไม่สามารถชาร์จบัตรเครดิตได้ เป็นต้นครับ

ทางแอดมินมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ทาง Budget ได้ลองคิดและเริ่มลองนำวิธีที่เช่ารถโดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิตมาใช้ เพราะลูกค้าหลายๆคนเลยอยากเช่ารถกับเจ้าใหญ่ๆ แต่ไม่มีบัตรเครดิตเลยต้องไปเช่ารถที่อื่นแทน หวังว่าในอนาคตวิธีนี้จะนำมาใช้กับคูปองรถเช่าได้ด้วยครับ 


l carrentcheap l


[Continue reading...]

การลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว กับ คูปองเช่ารถ

- 0 ความคิดเห็น

วันนี้ขอ update เรื่อง การลดหย่อนภาษีที่รัฐบาลพึ่งประกาศสำหรับคนชอบเที่ยวไทยกันครับ ตามกฏหมายระบุไว้ว่าจะยกเว้นเงินได้ในส่วนที่เป็น 

"ค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ หรือได้จ่ายเป็นค่าที่พักในโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่รวมกันแล้วไม่เกิน 15,000 บาท และจะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2558”  

อ่านแล้วก็งง งั้นไปดูเงื่อนไขการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวง่ายๆตาม info-graphic ด้านล่างเลยครับ

*ขอขอบคุณรูปภาพจาก www.aommoney.com ครับ



ทีนี้มาเข้าเรื่องสำคัญ >> แล้วคูปองรถเช่าที่ซื้อไปเพื่อขับรถไปเที่ยวล่ะ จะใช้ลดหย่อนได้มั้ย?

รายจ่ายบางอย่างที่พิสูจน์ไม่ได้ว่าใช้สำหรับไปเที่ยวหรือธุระส่วนตัวกันแน่ เช่น ค่าน้ำมัน ค่าเช่ารถ ค่าตั๋วรถทัวร์ ค่าตั๋วเครื่องบินที่เราซื้อเอง แบบนี้จะใช้ลดหย่อนภาษีไม่ได้ครับ (ถ้าซื้อผ่านบริษัททัวร์ที่ทำธุรกินนำเที่ยว และมีใบเสร็จถูกต้องชัดเจนจะลดหย่อนได้ครับ)


สรุป : คูปองเช่ารถไม่เข้าเกณฑ์ลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวครับ (เศร้าแป้บ T-T)



l carrentcheap l
[Continue reading...]
 
Copyright © . คูปองเช่ารถ Avis , Budget, Hertz - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger