(click ที่รูปเพื่อดูภาพขนาดใหญ่ครับ)
1. สัญญาเช่ารถ
เป็นสัญญาเช่าจะมี 2 หน้า รายละเอียดเยอะมาก แถมตัวเล็กอีก ยอมรับว่าผมก็ไม่ได้อ่านครับ ใครมีเวลาว่างๆก็อ่านได้ แต่สำหรับคนที่ไม่ว่าง ทางบัดเจ็ท (Budget) ได้เน้นเรื่องที่สำคัญหรือมักมีปัญหาด้วยตัวใหญ่สีเข้มให้แล้วครับ เช่น
- รับผิดชอบกรณียางแตก แค่ 1 เส้นเท่านั้น ถ้าแตกหลายเส้น ผู้เช่าต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่ายางเพิ่มเติมด้วย
- เบอร์ติดต่อ กรณีรถเช่ามีปัญหาหรือกรณีฉุกเฉิน เช่น รถชน รถเสีย หรือหาที่คืนรถไม่เจอ ติดต่อเบอร์นี้เลย
- ห้ามสูบบุหรี่ จะถูกปรับสูงถึง 3,000 บาท
2. เอกสารตรวจรับสภาพรถเช่า
ในรูปเป็นเอกสารที่ตรวจรับรถเรียบร้อยแล้วครับ จะเห็นว่ารอยติ๊กของพนักงานเป็นเหมือนรอยเขี่ยๆด้วย แบบนี้ก็ได้เหรอ -__-'' อาจเป็นเพราะผมได้เช่าโดยใช้ประกันชนิดไม่มีดีดัก (No deduct) ทำให้ไม่ต้องรับผิดชอบเมื่อรถมีรอยขีดข่วนหรือมีการชน พนักงานจึงไม่ได้ตรวจละเอียดนัก
ในเอกสารจะมีช่องให้ตรวจเยอะมาก แต่ในชีวิตจริงเราไม่ได้ตรวจเยอะขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นต้องใช้เวลาตรวจอย่างน้อย 30 นาทีแน่ๆ หลักๆที่ผู้เช่าควรตรวจมี ดังนี้ครับ
ความสะอาดภายในรถและสภาพเบาะ : ควรตรวจ เพราะไม่รวมในประกัน และถ้าทำเบาะเปื้อน เสียหายจะต้องเสียค่าทำความสะอาดรถภายในเพิ่มด้วย ถ้ามีรอยก็ให้ถ่ายรูปไว้ แล้วก็ให้พนักงานเขียนลงไปในใบตรวจรับรถ
กระจก : ถ้ามีรอยร้าว ควรแจ้งพนักงานขอเปลี่ยนรถ เพราะอันตรายกับการใช้งาน
ยางรถยนต์ : ควรตรวจสอบว่ายางอยู่ในสภาพใหม่ ดี ไม่รั่ว
สภาพภายนอกรถ : ถ้าเป็นประกันแบบ"ไม่มีดีดัก"ไม่ต้องตรวจสอบก็ได้ ผมก็ไม่ได้ตรวจสอบเลยครับ เพราะประกันคลอบคลุมรอยขีดข่วน รอยบุบ สีถลอกอยู่แล้ว
แต่ถ้าทำประกันแบบ"มีดีดัก" ควรตรวจสอบรอยอย่างละเอียดและถ่ายรูปรอบรถไว้ เพราะจะเห็นว่าในเอกสารที่ให้ติ๊กรอยขีดข่วนจะใช้ปากกาขีดๆบนภาพรถในตำแหน่งคร่าวๆเท่านั้น ถ้ามีปัญหาตอนคืนรถ เช่น พนักงานอ้างว่ามีรอยเพิ่มจากการขับของเรา การถ่ายรูปไว้จะเคลียกันได้ง่ายกว่า
ตรวจสอบจุดสำคัญเรียบร้อยแล้วก็เซ็นต์ชื่อที่ด้านล่างของใบตรวจรับรถได้เลยครับ ขั้นตอนที่ 1 ผมใช้เวลาประมาณ 5 นาที และขั้นตอนที่ 2 อีก 5 นาทีครับ รวมระยะเวลาในการรับรถไปขับเที่ยวใช้เวลา 10 นาทีเท่านั้นครับ
ขอมีความสุขกับการท่องเที่ยวครับ ^_^
l carrentcheap l
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น